ลมหนาวเริ่มพัดมาพร้อมกับอากาศดีๆ และบรรยากาศที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากจัดกระเป๋าออกเดินทางกัน สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวสวยๆ และใช้เวลาไม่เดินทางไม่นาน สวนผึ้ง ราชบุรี ดูจะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดเพราะนอกจากความสวยงามของธรรมชาติและใช้เวลาเดินทางเพียงสองชั่วโมงจากกรุงเทพ อากาศที่เย็นสบายด้วยภูมิประเทศที่แวดล้อมด้วยภูเขาแล้ว ยังครบครันทั้งเรื่องที่พักและร้านอาหาร
เรื่องเด่นของสวนผึ้งอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีกิจกรรมให้คุณได้เลือกทำกันอีกมากมาย ทั้ง กิจกรรมที่อิงกับธรรมชาติ หรือกิจกรรมแมนเมด ที่เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ไห้เข้ากับพื้นที่ หนึ่งในกิจกรรมสุดฮิต ที่กลายเป็นไอค่อนไปแล้วสำหรับสวนผึ้ง ก็คือ การให้อาหารและถ่ายรูปคู่กับแกะน้อยขนปุย และด้วยอากาศที่เย็นสบาย ประกอบกับทัศนียภาพแบบทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างไกลเป็นฉากหลัง จึงเหมือนจำลองเอาบรรยากาศแบบฟาร์มแกะนิวซีแลนด์ มาไว้ที่สวนผึ้ง ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบการหลายแห่งที่นำแกะขนฟูน่ารักทั้งหลายมาเป็นจุดขาย และเสริมไอเดียสร้างสรรค์ที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เข้าไป ให้นักท่องเที่ยวเลือกได้ตามแต่ความสไตล์ความชอบของแต่ละคน อาทิ “เดอะซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม” ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์วินเทจฟาร์ม ตกแต่งในบรรยากาศแบบชนบทอังกฤษย้อนยุคที่สวยงาม นอกจากฟาร์มแกะเก๋ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายอาทิ เกมส์ทุบแกะลงถัง ปาลูกโป่ง ขี่ม้านั่ง ชิงช้าสวรรค์ แวะผลิตภัณฑ์จากนมแกะ อาทิ ไอศกรีม คุกกี้และเต้าหู้นมแกะ หรือ “นิวแลนด์” ศูนย์รวมกิจกรรมความสนุกหลากหลาย ซึ่งนอกเหนือจากไฮไลต์คือ การเลี้ยงแกะ แล้ว คุณยังสามารถนั่งรถไฟเล็กชมรอบบริเวณ หรือจะ ยิงธนู หน้าไม้ ทำสปาปลา ป้อนนมปลาคราฟ หรือขับรถ ATV ที่จะทำให้คุณได้สนุกเพลิดเพลินแบบไม่รู้เบื่อ
สำหรับคนรักสัตว์ นอกจากฟาร์มแกะแล้ว ที่สวนผึ้งยังมีฟาร์มกระต่ายตาแป๋วให้คุณไปเยี่ยมเยือนได้อีกหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภายในบริเวณเดียวกับคาเฟ่บรรยากาศน่ารักๆ ไม่ว่าจะเป็น “Morning Glory Resort & Bakery” รีสอร์ทและคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและมีพื้นที่ให้คุณได้สามารถลงไปเล่นกับเจ้ากระต่ายน้อยนับสิบ หรือจะเป็น “Amante Coffee and Camp” ร้านกาแฟยอดนิยมของสวนผึ้ง ซึ่งมีโซนสวนกระต่ายธรรมชาติ (Amante Rabbit Camp) ที่ให้เราสามารถเล่นกับเจ้ากระต่ายน้อยขนปุย หลังจิบกาแฟหอมกรุ่นมาเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ยังมี “Alpaca Hill” ฟาร์มเพาะพันธุ์อัลปาก้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ที่คุณจะได้ชมสัตว์ขนปุยหน้าตาน่ารักน่าชัง ญาติห่างๆ ของอูฐที่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และภายในบริเวณยังมีสัตว์นำเข้าหายาก อาทิ จิงโจ้แคระ เฟอเรท แพรี่ด็อก กระต่ายไทยและกระต่ายยักษ์ ฯลฯ ให้ชมอีกมากมาย
กิจกรรมที่นิยมทำอีกอย่างหนึ่งในสวนผึ้ง ก็คือ การปั่นจักรยาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอากาศดีๆ และทิวทัศน์สวยๆ สองข้างทาง ทำให้การปั่นจักรยานเที่ยวสวนผึ้งเป็นเรื่องน่ารื่นรมย์ โดยมีเส้นทางแนะนำไว้ใน 5 เส้นทาง ซึ่งมีระยะทางไม่เท่ากัน และได้พบกับทิวทัศน์ริมทางที่แตกต่างกันไป ตามแต่ความชอบและพละกำลัง “เส้นทางปั่นชมวิถีชีวิตนำจิตสงบ” ระยะทาง 17 กม. สัมผัสบรรยากาศริมลำธารและสวนผลไม้ท้องถิ่น ใช้เวลาพักกายใจใต้ต้นโพธิ์ใหญ่อายุกว่าร้อยปีที่หมู่บ้านวัฒนธรรมกระเหรี่ยงทุ่งแฝก “เส้นทางปั่นใต้แมกไม้ ใส่จินตนาการสรรค์สร้างไอเดีย” ระยะทาง 30 กม. ชมความหลากหลายของรีสอร์ทที่เนรมิตสไตล์ที่แตกต่างกันท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น “เส้นทางปั่นเพลินใจ ไล่ตามตะวันลับฟ้า” ระยะทาง 32 กม. ปั่นรับลมบนถนนโล่งกว้างชื่นชมธรรมชาติผสานวัฒนธรรมพื้นบ้านเพิ่มสุขภาพใจ “เส้นทางปั่นทิวเขาโอบกอด แวะจอดร้านดัง” ระยะทาง 33 กม. เส้นทางขึ้นลงเนินหฤหรรษ์ แวะพักแรงพร้อมเติมพลังตามร้านดังน่าดังเป็นระยะ และ “เส้นธรรมชาติต้นผึ้งใหญ่ ไต่เนินเจ้าภูเขา” ระยะทาง 50 กม. เหมาะสำหรับนักปั่นน่องเหล็ก ผ่านลำธารทางลูกรัง และพิชิตเนินเจ้าภูเขา ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของนักปั่นที่ต้องการความท้าทาย ชมต้นผึ้งร้อยปีขนาดใหญ่แบบใกล้ชิด สัมผัสความงามของโบสถ์แม่พระฟาติมา แต่หากปั่นรอบค่ำอาจได้พบเห็นหิ่งห้อยส่องแสงวับวาว รับรองว่าสวยจนลืมเหนื่อย
สำหรับคนชอบของสวยๆ งามๆ ที่ “บ้านหอมเทียน” เขามีเวิร์คชอปให้ลองทำเทียนกลับไปเป็นของที่ระลึก นอกจากนั้นยังจำหน่ายเทียนพรีเมียมราคาไม่แพง และบรรยากาศภายในบ้านหอมเทียน ยังตกแต่งด้วยของสะสมที่หาชมได้ยาก เหมาะกับการถ่ายภาพสวยๆ ด้วย
ไม่เพียงกิจกรรมที่มีให้เลือกทำตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูหนาวจะมีกิจกรรมหรืออีเวนต์พิเศษยกขบวนมาจัดกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลเทียน งานเทศกาลศิลปะ และงานเทศกาลดนตรีต่างๆ ที่หมุนเวียนกันมาจัด เอ้า รีบเก็บกระเป๋า แล้วไปสัมผัสบรรยากาศเหล่าที่ที่สวนผึ้งกันเถอะ