ผู้เขียน: admin

  • ดู ‘บัวผุด’ พ้นพื้น ในป่าเขาสก

    บัวผุด ป่าเขาสก
    เขาสองน้องและ กม. 111 ของทางหลวงหมายเลข 401 อุทยานแห่งชาติเขาสก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นแดนใต้อันอุดมด้วยสรรพชีวิต คือถิ่นที่อยู่ของ ดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เรารู้จักในชื่อ ‘บัวผุด’ โดยเฉพาะ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสกนั้น นับเป็นพื้นที่ที่พบดอกไม้ยักษ์ชนิดนี้ ได้มากที่สุดในเมืองไทย เพราะที่นี่มี ‘ย่านไก่ต้ม’ พืชจำพวกเถาวัลย์ที่ บัวผุดอาศัยอยู่ร่วมขึ้นอยู่มากมาย ด้วยขนาดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อย กว่า 50 เซนติเมตร และบางดอกก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 80 เซนติเมตร ทำให้ผู้พบเห็นต่างทึ่งกับขนาดใหญ่โตของดอกไม้สีแดงคล้ำ ที่จะผุดพ้นพื้นเพียงไม่เกิน 7 วัน แต่นั่นยังไม่รวมถึงรูปลักษณ์งดงาม แปลกตา และกลิ่นคล้ายเนื้อเน่าที่บัวผุดใช้ล่อแมลงมาติดกับ ซึ่งนับว่า เตะตาและเตะจมูกผู้มาเยือนไม่แพ้กัน
     
    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: บัวผุดจะทยอยเบ่งบานตลอดทั้งปี สำหรับที่เขาสก ควร ไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เพราะไม่มีฝน เดินป่าสะดวกที่สุด

  • ล่องเรือเหนือ ‘เขื่อนรัชชประภา’

     

    เขื่อนรัชชประภา

    อุทยานแห่งชาติเขาสก อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    หลายคนรู้จักแหล่งชมทิวทัศน์ในทะเลสาบเหนือเขื่อน รัชชประภาในนาม “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะภาพของ กลุ่มเกาะสีเทาทะมึนที่มีรูปทรงหยึกหยักปรากฏตระหง่าน อยู่ท่ามกลางผืนน้ำกว้างใหญ่นี้ ดูงดงามตระการตา คล้ายคลึงกับเหล่าเขาหินปูนที่กุ้ยหลินในเมืองจีน ยิ่งใน ยามเช้าที่มีสายหมอกลอยเรี่ยปกคลุมเหนือผืนน้ำ และ ลอยเป็นสายแผ่ผ่านขุนเขาอย่างบางเบา ทำให้หมู่หินปูน ดูอ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการล่องเรือเข้าไปชมประติมากรรมเขาหินปูน ในแวดล้อมของป่าดิบชื้นผืนใหญ่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เดือนธันวาคม-เมษายน เพราะอากาศกำลังดี ฟ้าแจ่มจ้า ไร้เมฆฝน


  • ‘ศรีรายา’ เมืองท่าโบราณที่ยังมีลมหายใจ

    ศรีรายา จ.กระบี่

     เกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่

    ทอดน่องท่องเที่ยวย่านเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี บนเกาะลันตา พลิกบรรยากาศของการอาบแดด เล่นน้ำ มาย่ำเยือนเมืองศรีรายา อดีตเมืองท่า ที่เฟื่องฟูด้วยการค้าขายทางเรือ ทุกวันนี้ เรือนไม้หน้าแคบที่ทอดยาวลึกลงไปในทะเล ยังเป็นที่อยู่ของชาวศรีรายาเฉกเช่นเดิม นอกจากเรือนแถวไม้เก่าแก่ดูอบอุ่น รอบด้าน ยังร่มรื่นด้วยสวนยางผืนใหญ่ รวมทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์ให้เรียนรู้เรื่องเกาะลันตาและผู้คน หลากหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออิงมาแสนนาน

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เดือนพฤศจิกายนถึงกลาง เดือนเมษายน ถ้าไปในช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งตรงกับการจัดงาน ‘ลานตาลันตา’ ก็จะได้พบ ความละลานตาของการแสดงทางวัฒนธรรม ในงานเทศกาลประจำปีแสนครึกครื้นอีกด้วย

  • ชมพระอาทิตย์ตก ที่ “แหลมพรหมเทพ”

    แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต

    อำเภอเมืองฯ จังหวัดภูเก็ต

    บนลานกว้างเหนือหน้าผาสูงที่สามารถทอดสายตาผ่านแหลมเรียวยาวที่ทอดตัวไล่ระดับลงสู่ทะเลผืนใหญ่ คือศูนย์รวมผู้คนมากมายที่เดินทางมาจากหลากหลายทิศทาง ทว่ามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือการรอชมดวงตะวันค่อยๆ ลับลาแผ่นฟ้าลงสู่ผืนน้ำในยามเย็นย่ำ ที่นี่คือแหลมพรหมเทพ

    ที่ซึ่งเราคุ้นเคยชื่อจากประกาศของกรอุตุนิยมวิทยาว่า “วันนี้ ดวงอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต เวลา…” เพราะปลายแหลมด้านใต้สุด ของเกาะภูเก็ตนี้คือจุดสุดท้ายของประเทศไทยที่ดวงอาทิตย์จะลับฟ้าไปในแต่ละวัน โดยทิ้งแสงสีมลังเมลืองเคลือบฟ้าไว้ งดงามไม่น้อยไปกว่าภาพดวงอาทิตย์แดงก่ำกลมโตที่ค่อยๆ เคลื่อนหายไปใต้แนวเส้นตรงที่คั่นระหว่างท้องฟ้าและผืนทะเล

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฟ้าใส ไร้เมฆฝน จะมองเห็นดวงตะวันกลมโต ค่อยๆ จมดิ่งลับขอบฟ้าได้กระจ่างตาที่สุด



  • อร่อยไม่เหมือนใคร ใน ‘ภูเก็ต’

    อร่อยไม่เหมือนใคร ในภูเก็ต

     อำเภอเมืองฯ จังหวัดภูเก็ต

    นอกจากทะเลสวยใสเลื่องชื่อระดับโลก และกิจกรรม ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์แล้ว ภูเก็ตยังขึ้นชื่อลือชาในเรื่องอาหารการกินอันมีเอกลักษณ์ นอกเหนือจากอาหารรสชาติจัดจ้านตามแบบภาคใต้ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงไตปลา ขนมจีนน้ำยากินกับห่อหมก และสารพัดผักเหนาะแล้ว ยังมีอาหารที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนจีนในเมืองภูเก็ต เช่น โลบะ โอวต๊าว โอ๊ะเอ๋ว ขนมอาโป๊ง หมี่ฮกเกี้ยน หมี่หุ้นบะกูด บะกุ๊ดเต๋ ฯลฯ ขายอยู่ในย่านถนนเยาวราช ซึ่งเรียงรายด้วย

     บ้านโบราณสไตล์ชิโน-โปรตุกีส และอีกย่านหนึ่งคือ ซอยหล่อโรง ห่างจากศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยราวๆ 200 เมตร เป็นย่านของกินอร่อยเด็ด ที่มาถึงภูเก็ตแล้วไม่ควรพลาด

     ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: อิ่มอร่อยได้ทั้งปีที่ภูเก็ต