หมวดหมู่: ท่องเที่ยวไทย

  • ย้อนอดีตที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”

    ภาพ/ เรื่อง :   Unseen Tour Thailand

    “ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ก่อนที่จะไปเที่ยวชมยังสถานที่จริง..” 

                                
     

    ใครที่อยากจะไปเดินเล่นชิลชิล เที่ยวชมรอบกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ติดตรงที่ไม่ไหวกับอากาศร้อนอบอ้าวยามบ่าย ขอแนะนำว่ามีอยู่ที่นึงที่สามารถเดินทอดน่องชมกรุงได้อย่างเย็นฉ่ำ สบายกายสบายใจ และครบทุกแห่งภายในวันเดียว ที่นี่ไงล่ะ  “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”  ซึ่งมีสโลแกนว่า “คุณค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ในหนึ่งวัน”

     
    การเดินทางควรจะใช้บริการขนส่งสาธารณะสะดวกที่สุดค่ะ จะได้ไม่ปวดหัวในการหาที่จอดรถให้ยุ่งยาก  ถ้าใช้การเดินทางโดยรถเมถ์จะสบายที่สุด  เพราะพอรถจอดที่ป้ายปุ๊บก็เดินเข้าตัวอาคารที่อยู่ตรงป้ายรถเมล์พอดีเลย

    แต่ถ้าใช้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้มาลงที่ท่าผ่านฟ้า ระหว่างทางเดินไปตึกนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จะผ่าน “ป้อมมหากาฬ” แวะเข้าไปเที่ยวชมได้ถ้ามีเวลา

    เดินมาถึงที่หมายหน้าอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จะพบผู้เฝ้าประตูยืนเด่นเป็นสง่าต้อนรับเราอยู่

     
    พอเข้ามาด้านในก็จะพบกับป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ และเป็นที่ที่ทุกคนที่เข้ามาจะมักไปยืนถ่ายรูปกัน เพราะเมื่อเข้าไปใกล้ๆ บอร์ดนี้ และยกมือไหวไปมา จะมีนกแอนนิเมชั่นโบยบินออกมา ตามมือที่เราโบก เป็นที่สนุกสนานของผู้เข้าชมมาก

    หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว ก็เลือกเส้นทางที่เข้าชม มีให้เลือก 2 เส้นทางโดยจะมีไกด์นำทาง แต่ละเส้นทางใช้เวลาในการเข้าชม เส้นทางละ 2 ชั่วโมง ถ้ามีเวลาพอควรเลือกไปชมทั้ง 2 เส้นทาง  เพราะมีความแตกต่างกันและสวยทั้ง 2 เส้นทาง

     
    ระหว่างที่รอเวลาไกด์พาไปชมเส้นทางที่เลือกไว้  เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ไปชมห้องนิทรรศการชั่วคราวด้านล่าง ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละเดือน ใครผ่านไปผ่านมานิทรรศน์รัตนโกสินทร์ก็แวะเข้ามาชมได้ ส่วนนี้ชมฟรี ไม่ต้องซื้อบัตรค่ะ

    ช่วงนี้เป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดต่อเนื่องมาจากวันแม่ มีถึงวันที่ 14 กันยายน 2554 นี้

    และจะได้ชมสาธิตการทำตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง แหล่งผลิตตุ๊กตาชาววังที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงไปไกลทั่วโลก ที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและวัฒนธรรมประเพณีไทยต่างๆ เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ ชุดท่วงท่าฤาษีดัดตน หรือรูปผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนแต่สวยงามน่ารักอย่างยิ่ง คุณป้าที่สาธิตก็ใจดี ชี้ชวนให้หยิบเล่นได้ เด็กๆ ชอบกันมาก

    ที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ทุกห้องค่ะ ยกเว้นการอัดเสียงบรรยาย และงดถ่ายวีดีโอเป็นบางห้อง  แต่ละห้องมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งต้องมาสัมผัสด้วยตนเอง ถึงจะตื่นเต้นว่าจะเจออะไรบ้างภายในห้องต่างๆ

    อุโมงค์เวลา  
    บอกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยเทียบกับเหตุการณ์ของต่างประเทศในช่วงเวลาเดียว เริ่มตั้งแต่ตอนที่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน

     ห้องดื่มด่ำย่านชุมชน 
    รวม 14 ชุมชนงานฝืมือบนเกาะรัตนโกสินทร์ ไฮไลท์อยู่ที่ลวดลายที่อยู่บนพื้น พอเราเหยียบที่จุดที่เป็นที่ตั้งชุมชน จะมีรูปปรากฏขึ้นมา รูปอะไรไปดูเองนะคะ

     


    ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์
    ย้อนอดีตกลบไปครั้งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นห้องชมภาพยนตร์ 4 มิติ

     

     
    ห้องเกียรติยศแผ่นดินสยาม
    จะพบกับหุ่นจำลองพระบรมมหาราชวังที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย และชมพระแก้วมรกตในเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดูในคราวเดียว

     

     


    ห้องเรืองนามมหรสพศิลป์
    ห้องนี้จะให้เราเข้าชมมหรสพหลายชนิด โดยให้นั่งกับพื้นในห้องวงกลม ดูมหรสพได้รอบทิศทาง 360 องศา ได้เรียนรู้ภาษาโขนกับ ตัวพระ นาง ลิง ยักษ์ อยากรู้ว่ายักษ์เขินเป็นยังไงให้มาดูได้ที่นี่ และได้ลองฝึกเชิดหุ่นกระบอกด้วยตนเอง


    ห้องเยี่ยมยลถิ่นกรุง
    ทุกคนจะได้ถ่ายรูปในห้องถ่ายรูปสมัยโบราณก่อน เพื่อนำมาเป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่นแล้วท่องเที่ยวไปทั่วกรุง ให้เราได้ชม

     
    ห้องสง่าศรีสถาปัตยกรรม
    ได้เล่นเกมสร้างวัดระบบมัลติทัช และสนุกกับเกมเดินทางชมบ้านในเมืองกรุงค่ะ

     

     

    ห้องเรืองรุ่งวิถีไทยห้องนี้นำเราย้อนอดีตไปตั้งแต่สมัยที่คนไทยยังใช้เรือเป็นพาหนะ โดยเราจะได้นั่งเรือจริงๆ จุผู้โดยสารได้เกือบ 20 คน ล่องไปตามแม่น้ำ พอยุคสมัยเปลี่ยนไปเรือที่เรานั่งก็แปลงร่างกลายเป็นรถราง นั่งชมเมืองตั้งแต่สมัยสร้างถนนเจริญกรุงใหม่ๆ จนมาจบที่การนั่งรถไฟฟ้าซึ่งเป็นสมัยปัจจุบันของเรา เหมือนได้นั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนอดีตได้จริงๆ

     

     


    ห้องดวงใจปวงประชา
    ร่วมซาบซึ้งกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภุมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงนำความอุดมสมบูรณ์จากดินสู่ฟ้า…จากป่าสู่เมืองในบรรยากาศที่โอบล้อมตัวเราเสมือนพระมหากรุณาธิคุณที่ปกแผ่ไปทั่วทุกสารทิศ 

    ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่ครบทุกห้องนะคะ เล่าให้ฟังคร่าวๆ เพราะแต่ห้องห้องจะมีรายละเอียดเยอะแยะมากมายกว่านี้เป็น ร้อยร้อยเท่า อยากให้มานิทรรศน์กันด้วยตนเองค่ะ

    นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกติดได้ติดมือกลับไปเป็นโปสการ์ดสวยๆ หรืออยากฉายรูปลงปกนิตยสารโดยมีเราเป็นนายแบบ นางแบบ เก็บเป็นภาพประทับใจกลับบ้านก็ย่อมได้

     

     

    พอชมห้องต่างๆ ครบทั้ง 2 เส้นทาง ก็ขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์สวยๆ ของ ภูเขาทอง  โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร ลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์ ป้อมพระกาฬ ในมุมมองที่สวยที่สุดแบบเต็มๆ ตา ยิ่งถ้าเป็นยามเย็นจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สุดแสนคลาสสิคของเมืองกรุง

    หรือจะนั่งจิบกาแฟรสละมุนจากร้าน True Coffee ที่อยู่ในชั้นนี้ กับโซฟานุ่มๆ ชมวิวรอบทิศทาง จะนั่งนานแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า จะอยู่จนถึง 2 ทุ่มช่วยพนักงานเก็บร้านก็ยังได้

     

     

     


    เป็นวันหยุดพักผ่อนที่แสนเก๋ อีกวันนึงค่ะ ไม่ว่าจะพาคนรู้ใจมาเที่ยว พาน้องๆ มาเรียนรู้ประวัติศาตร์ที่แสนเพลิดเพลิน หรือพาคุณย่าคุณยายมาซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ที่ห่างหายไปนาน ก็ล้วนน่าประทับใจค่ะ

    แล้วคุณจะรู้ว่ากรุงเทพฯ ของเราสวยงามแค่ไหน  …

    นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
    100  ถนนราชดำเนินกลาง  แขวงบวรนิเวศ  เขตพระนคร  กรุงเทพมหานคร  10200

    เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์
    อังคาร – ศุกร์  เวลา 11.00 – 20.00 น.
    เสาร์ – อาทิตย์  และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 20.00 น.
    อัตราค่าเข้าชม  ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็กเข้าชมฟรี (สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร)
    โทรศัพท์  02-621-0044
    www.nitasrattanakosin.com

    การเดินทาง
    รถประจำทาง :  สาย  2, 3, 9, 15, 31, 33, 42, 47, 59, 60, 64, 70, 79, 82, 86, 157, 201, 503, 509
    รถยนต์ส่วนตัว : ประทับตราจอดรถ จอดได้ 3 ชั่วโมง – 20 บาท
     เกิน 3 ชั่วโมง คิดค่าบริการชั่วโมงละ 50 บาท หรือจอดที่บริเวณวัดราชนัดดาฯ อัตราค่าจอดตามที่สถานที่นั้นกำหนด

  • เสพงานศิลป์ ชั้น “ครู”

    ภาพ/ เรื่อง :   สีรุ้ง  พงษ์พานิช

    “เชื่อมั๊ยว่าการได้ชมงานศิลปะดีๆ สักชิ้น อาจทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
    หรือมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของเราไปเลยก็ได้”

    วันนี้ฉันแวะไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครอง และกำลังจะกลับบ้าน  ขณะกำลังเดินข้ามสะพานลอย สายตาก็พลันไปสะดุดกับเจ้าตุ๊กตาเสือน้อยน่ารักน่าชังที่ตั้งอยู่หน้าตึกๆ หนึ่งตรงข้ามกับมาบุญครองและสยามดิสคัพเวอร์รี่   มันคืออะไรกันนะ?

    ลานด้านหน้าทางเข้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

    เดินเข้ามาดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นการจัดนิทรรศการศิลปะของ “หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร” นั่นเอง น่าสนใจดีแฮะ  เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างดึงให้ฉันเดินเข้าไปในตัวอาคาร ดั่งต้องมนต์สะกด ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไปก็พบกับยามเฝ้าประตูตัวสูงใหญ่

    และแล้วก็จ๊ะเอ๋กับประชาสัมพันธ์สาวสวยกล่าวเชื้อเชิญให้ฉันลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือฟรี ฉันก็เซ็นชื่อให้น้องเค้าอย่างว่าง่าย เพราะว่าอยากได้หนังสือฟรี ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าหนังสืออะไร และมีงานอะไรกัน..

    นี่คือหน้าตาหนังสือที่ว่า


    เดินผ่านเข้าไปในงานนิทรรศการที่จัดอยู่ในพื้นที่ด้านล่างตรงกลางห้องโถงใหญ่ของตึก จึงพบว่าเป็นการแสดงผลงานภาพถ่ายและภาพจิตรกรรม ที่ผ่านการตัดสินแล้ว เข้าไปดูหน่อยซิว่าเป็นยังไง


    โห ตะลึงเลยค่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย จากนั้นก็รัวชัตเตอร์ถ่ายอย่างไม่ยั้งมือ

    ที่นำมาลงนี่เป็นเพียงบางส่วนค่ะ  ใครชอบภาพไหนก็เลือกดูนะ คงมีสักภาพที่โดนใจ แต่ของฉันน่ะโดนไปหลายภาพเลย ชั้นล่างนี่เป็นภาพวาดล้วนๆ  ขออุบภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศไว้ท้ายเรื่องนะ

     

     

     

    เดินขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ต่อดีกว่า เป็นนิทรรศการภาพถ่าย งานเดียวกัน ติดเรียงรายบนผนังให้เลือกดูกันได้ตามชอบใจ  รับกับระเบียงมุมโค้งที่ดูสบายตา

     

    มีของที่ระลึกเก๋ๆ และมีไอเดีย ให้ได้ชมได้ช้อปกันด้วย ส่วนใหญ่เป็นของทำด้วยมือ (Hand Made)

     

    หรือจะนั่งพักเหนื่อย หลบลมร้อนจากข้างนอกมานั่งตากแอร์เย็น จิบกาแฟ ก็มีที่ให้นั่งเล่นสบายๆ ชิวๆ ในบรรยากาศของศิลปะที่แสนจะคลาสสิค มีเพลงคลอเบาๆ ช่วยสร้างสรรค์จินตนาการให้บรรเจิด Good Idea เลยล่ะ


    ภาพด้านล่าง 2 ภาพนี้ เป็นภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ดูแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ? ตรงใจบ้างไหม

    รางวัลชนะเลิศภาพถ่าย ชื่อภาพ “ครูผู้ให้ที่ไร้ชีวิต” ศิลปิน นายวิสรุจน์ สิงหกลางผล
    รางวัลชนะเลิศภาพจิตรกรรม ชื่อภาพ "พลังของครูใต้" ศิลปิน นานสุทธิพันธ์ ขะยะ

     

    ในชีวิตจริงเราทุกคนต่างมีความเป็นครู และคนรอบข้างตัวเราล้วนก็เป็นครูของเราด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นครูที่อยู่ในห้องเรียนเท่านั้น

    ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ที่เป็นครูคนแรก  เพื่อนสนิทที่คอยชี้แนะ  พี่ที่ดูแลน้องแทนพ่อแม่  ในหลวงของเรา  พระสงฆ์ที่ชี้ทางธรรม คนข้างถนน คนที่เราไม่รู้จัก หรือใครก็ตามที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำบางสิ่งบางอย่างที่ดี มีคุณค่า  เขาเหล่านั้น ล้วนเป็น “ครู”

    รวมทั้งครูภาคใต้ผู้เสียสละ ยอมเสี่ยงแม้แต่ชีวิตของตนเอง  ครูบนดอยที่ทิ้งความสุขสบายไว้เบื้องหลัง ครูที่พร่ำบ่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เราเป็นคนดี 

    ขอเทิดทูนหัวใจครูทุกดวง ด้วยความเคารพยิ่ง..

     หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
    939 ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่
    เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
    เปิดเวลา 10.00 น. – 21.00 น.  ปิดวันจันทร์
    โทร. 02 2146630-8
    www.bacc.or.th

  • ปีนภูดูทะเลดอกไม้ในป่าสน บนภูสอยดาว

    ป่าสนภูสอยดาวได้ชื่อว่าสวยสุดในเมืองไทย
    โดยเฉพาะในช่วงกลางฤดูฝน
    ที่ทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงบานสะพรั่งทั้งภู

    ป่าสนภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
    ป่าสนภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

    ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นภูเขาอีกลูกหนึ่ง ซึ่งท้าทายนักเดินทาง ให้ปีนขึ้นไปเป็นผู้พิชิต ด้วยระยะเวลาผจญภัยไม่น้อยกว่า 4-5 ชั่วโมง รางวัลชีวิตที่ได้คือภาพความสวยงามของทุ่งหญ้า และป่าสนสามใบ มุมมองสวยงามแปลกตากว่าที่ใด ในรอบปีมีวันเวลา
    ที่สวยที่สุดคือช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งดอกหงอนนาค (Murdannia gigantia) จะออกดอกสะพรั่งท่ามกลางป่าสน ที่มักปกคลุมไปด้วยสายหมอก จนได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของ
    ความโรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
     

    ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
    ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าก่อน 09.00 น.
    ฤดูกาลที่ดีที่สุด  : เดือนสิงหาคม
    จุดชมวิวที่ดีที่สุด: ลานป่าสนบริเวณที่ตั้งแคมป์ภูสอยดาว

    เส้นทางการเดินทาง
    จาก จ.อุตรดิตถ์ใช้ทางหลวงหมายเลข 1047 ถึง อ.น้ำปาด ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1239 และ 1268 ถึง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อที่ ททท.สำนักงานแพร่
    โทร. 054 521 118-9, 054 521 127

    แผนที่ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
    แผนที่ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

    ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    รวมรวมบทความท่องเที่ยว โดย www.unseentourthailand.com  เว็บไซต์รวมแหล่งท่องเที่ยว Unseen ในประเทศไทย


  • หลวงพ่อแดง วัดคุณาราม

    วัดคุณาราม เรียกอีกชื่อนึงว่า วัดเขาโป๊ะ อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 13 ใกล้น้ำตกหน้าเมือง ที่เกาะสมุย มีพระซึ่งชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อแดง หรือ หลวงพ่อแดง ปิยะสีโล (ท่านพระครูสมถกิตติคุณ) มรณภาพไปแล้วแต่ศพไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้ว ในท่านั่งวิปัสสนากรรมฐาน

    ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนไม่ขาด มีรถวิ่งเข้าออกตลอดเวลา โดยเฉพาะรถสองแถว และรถนำเที่ยวแบบซาฟารี ที่ขนฝรั่งตาน้ำข้าวมาเพียบแปร้ มีหลายคนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถแบบไม่กลัวว่าจะตกลงมาเลย
     

    ภายในบริเวณวัดมีขายที่ระลึกขายประมาณ 3 – 4 เจ้า ราคาก็ไม่แพงจนเว่อร์ สำหรับขายให้นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า Handmade ทำจากกระลามะพร้าว อะไรประมาณนั้น ซึ่งชาวต่างชาติจะชอบกันมาก

    สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือได้กราบหลวงพ่อแดง ซึ่งท่านได้พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า การนั่งวิปัสสนากรรมฐานจนเข้าถึงฌาณสูงสุดแล้วจะสามารถกำหนดวันที่สิ้นอายุขัยของตนเองได้จริง

     

     ซึ่งในระยะสุดท้ายท่านสั่งให้คนใกล้ชิดเตรียมหีบศพแบบนั่งสมาธิ ท่านตั้งใจจะเข้าไปนั่งสมาธิในหีบนั้นจนตาย แต่ไม่มีใครทำให้เพราะความรักหวงแหน ไม่อยากให้ท่านจากไปและเห็นว่าท่านยังมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ แต่เมื่อเดือน 5 ข้างแรม ท่านบอกย้ำอีกครั้งว่า ถึงเดือน 6 ท่านจะตาย ก็ไม่มีใครเชื่อ ในที่สุดท่านก็ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2516 แรม 5 ค่ำ เดือน 6 ปีฉลู อายุ 79 ปี 8 เดือน

    สนับสนุนบทความท่องเที่ยว โดย www.unseentourthailand.com  เว็บไซต์รวมแหล่งท่องเที่ยว Unseen ในประเทศไทย