ป้ายกำกับ: ท่องเที่ยวกรุงเทพฯ

  • มิวเซียมสยาม ตอน อินเทรนด์ไม่เว้นวรรค

    นิทรรศการดีๆ ที่ส่งเสริมความเป็นไทย ท่ามกลางกระแสแฟชั่นที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า “เราหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

    ตามหากันไปทำไม ทำไมต้องตามหา มาดูเอาเอง

     

    กระแสหลินปิงฟีเวอร์ ทำให้เกิดสินค้าเกี่ยวกับหมีแพนด้าออกมามากมาย

     

    สาวกหลินปิงฟีเวอร์

     

    นี่ก็ห้องแสดงสินค้าของสาวกแบรนด์เนม
    อาหารของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

     

    อาหารกลางวันของใครหลายคน

     

    ฟาร์ตฟู้ดยอดฮิตของคนไทย

     

    เครื่องดื่มของคุณผู้หญิงยุคใหม่

     

    ขาดไม่ได้เดี๋ยวเหงาปาก

     

    ฟาร์ตฟู้ดรุ่นคลาสสิคอีกหนึ่งอย่าง

     

    ห้องกรุงเทพฯ แห่งอนาคต
    คาเฟ่ยุค 60s มุมถ่ายรูปภายในพิพิธภัณฑ์

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตราสัญลักษณ์ของมิวเซียมสยาม เป็น คนกบแดง หรือ รูปคนทำท่าเป็นกบ

     

    การพับกระดาษแบบญี่ปุ่น

     

    ตู้ไปรษณีย์สมัย ร.5 ยังใช้ส่งจดหมายได้

     

    วิวัฒนาการของใช้ภายในบ้าน จาก ครก ถึง เครื่องปั่น

     

    มิวเซียมสยาม (Museum Siam)
    สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
    เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

    เวลาให้บริการ:
    วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
    โทรศัพท์ 02 225 2777 โทรสาร 02 225 2775
    http://www.museumsiam.com

  • มิวเซียมสยาม ตอน ทำนาหน้ามิวเซียม

     ทำนาใครว่ายาก จริงๆ แล้วแสนสนุกและได้ความรู้กับอาชีพเก่าแก่ของบรรพบุรุษไทย ที่คนรุ่นใหม่ควรศึกษา กว่าจะได้ข้าวแต่ละเมล็ด เขาทำกันยังไง ไม่ลองไม่รู้ ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าเป็นยังไง กิจกรรมนี้มีถึงวันที่ 25 กันยายน 2554นี้นะ


      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     มิวเซียมสยาม (Museum Siam)
    สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
    เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

    เวลาให้บริการ:
    วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. (หยุดวันจันทร์)
    โทรศัพท์ 02 225 2777 โทรสาร 02 225 2775
    http://www.museumsiam.com

     

  • สวนงู สถานเสาวภา

    ที่นี่เป็นสวนงูที่เก่าแก่เป็นที่สองของโลก เป็นแห่งแรกในเอเชีย เป็นที่เลี้ยงงูพิษเพื่อรีดพิษสำหรับการผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทั้งระดับชาติและนานาชาติ

    ผลงานของสวนงูแห่งนี้ได้ปรากฏใน National geographic magazine ในนิตยสารการท่องเที่ยวต่างประเทศ และได้รับการนำเสนอในสารคดีความรู้ รวมทั้งการแนะนำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโทรทัศน์อยู่เสมอ

    ในปีหนึ่งๆ มีผู้เข้าชมสวนงูประมาณ 40,000 คน 60% เป็นชาวต่างประเทศ และ 20% เป็นนักเรียนและนักศึกษา

    ตึก ๔ มะเสง นี้ใช้เป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการสำหรับงูพิษ พอซื้อตั๋วแล้วระหว่างรอดูโชว์ก็เข้ามาดูนิทรรศการที่นี่ก่อนนะ

     

     

    ห้องชมภาพยนตร์แสดงการออกฤทธิ์ของพิษงูต่อมนุษย์หรือสัตว์

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตู้ฟักไข่งู

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สวนงู ได้มีการจัดสาธิตการจับงู และรีดพิษงู โดยมีกิจกรรมดังนี้

     วันจันทร์ – ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ) 9.30 – 15.30 น.

    11.00 น. การรีดพิษงู ภายในเวทีสาธิตการรีดพิษ ตึก ๔ มะเสง
    14.30 น. สาธิตการจับงูหลากหลายชนิด พร้อมถ่ายรูปกับงูหลาม บนอัฒจันทร์กลางแจ้ง สวนงู

     วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 9.30 – 13.00 น.
    11.00 น. สาธิตการจับงูหลากหลายชนิด พร้อมถ่ายรูปกับงูหลาม บนอัฒจันทร์กลางแจ้ง สวนงู

     ราคาบัตรผ่านประตู

    สำหรับคนไทย  ผู้ใหญ่ 40 บาท  นักเรียน/นักศึกษา 20 บาท เด็ก 10 บาท
    สำหรับชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่  200 บาท  เด็ก 50 บาท

     ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่   www.saovabha.com/th/snakefarm_service.asp


  • ย้อนอดีตที่ “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”

    ภาพ/ เรื่อง :   Unseen Tour Thailand

    “ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ก่อนที่จะไปเที่ยวชมยังสถานที่จริง..” 

                                
     

    ใครที่อยากจะไปเดินเล่นชิลชิล เที่ยวชมรอบกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ติดตรงที่ไม่ไหวกับอากาศร้อนอบอ้าวยามบ่าย ขอแนะนำว่ามีอยู่ที่นึงที่สามารถเดินทอดน่องชมกรุงได้อย่างเย็นฉ่ำ สบายกายสบายใจ และครบทุกแห่งภายในวันเดียว ที่นี่ไงล่ะ  “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์”  ซึ่งมีสโลแกนว่า “คุณค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ในหนึ่งวัน”

     
    การเดินทางควรจะใช้บริการขนส่งสาธารณะสะดวกที่สุดค่ะ จะได้ไม่ปวดหัวในการหาที่จอดรถให้ยุ่งยาก  ถ้าใช้การเดินทางโดยรถเมถ์จะสบายที่สุด  เพราะพอรถจอดที่ป้ายปุ๊บก็เดินเข้าตัวอาคารที่อยู่ตรงป้ายรถเมล์พอดีเลย

    แต่ถ้าใช้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ ให้มาลงที่ท่าผ่านฟ้า ระหว่างทางเดินไปตึกนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จะผ่าน “ป้อมมหากาฬ” แวะเข้าไปเที่ยวชมได้ถ้ามีเวลา

    เดินมาถึงที่หมายหน้าอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จะพบผู้เฝ้าประตูยืนเด่นเป็นสง่าต้อนรับเราอยู่

     
    พอเข้ามาด้านในก็จะพบกับป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ และเป็นที่ที่ทุกคนที่เข้ามาจะมักไปยืนถ่ายรูปกัน เพราะเมื่อเข้าไปใกล้ๆ บอร์ดนี้ และยกมือไหวไปมา จะมีนกแอนนิเมชั่นโบยบินออกมา ตามมือที่เราโบก เป็นที่สนุกสนานของผู้เข้าชมมาก

    หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้ว ก็เลือกเส้นทางที่เข้าชม มีให้เลือก 2 เส้นทางโดยจะมีไกด์นำทาง แต่ละเส้นทางใช้เวลาในการเข้าชม เส้นทางละ 2 ชั่วโมง ถ้ามีเวลาพอควรเลือกไปชมทั้ง 2 เส้นทาง  เพราะมีความแตกต่างกันและสวยทั้ง 2 เส้นทาง

     
    ระหว่างที่รอเวลาไกด์พาไปชมเส้นทางที่เลือกไว้  เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ไปชมห้องนิทรรศการชั่วคราวด้านล่าง ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละเดือน ใครผ่านไปผ่านมานิทรรศน์รัตนโกสินทร์ก็แวะเข้ามาชมได้ ส่วนนี้ชมฟรี ไม่ต้องซื้อบัตรค่ะ

    ช่วงนี้เป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดต่อเนื่องมาจากวันแม่ มีถึงวันที่ 14 กันยายน 2554 นี้

    และจะได้ชมสาธิตการทำตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง แหล่งผลิตตุ๊กตาชาววังที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงไปไกลทั่วโลก ที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและวัฒนธรรมประเพณีไทยต่างๆ เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ ชุดท่วงท่าฤาษีดัดตน หรือรูปผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนแต่สวยงามน่ารักอย่างยิ่ง คุณป้าที่สาธิตก็ใจดี ชี้ชวนให้หยิบเล่นได้ เด็กๆ ชอบกันมาก

    ที่นี่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ทุกห้องค่ะ ยกเว้นการอัดเสียงบรรยาย และงดถ่ายวีดีโอเป็นบางห้อง  แต่ละห้องมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งต้องมาสัมผัสด้วยตนเอง ถึงจะตื่นเต้นว่าจะเจออะไรบ้างภายในห้องต่างๆ

    อุโมงค์เวลา  
    บอกถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยเทียบกับเหตุการณ์ของต่างประเทศในช่วงเวลาเดียว เริ่มตั้งแต่ตอนที่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน

     ห้องดื่มด่ำย่านชุมชน 
    รวม 14 ชุมชนงานฝืมือบนเกาะรัตนโกสินทร์ ไฮไลท์อยู่ที่ลวดลายที่อยู่บนพื้น พอเราเหยียบที่จุดที่เป็นที่ตั้งชุมชน จะมีรูปปรากฏขึ้นมา รูปอะไรไปดูเองนะคะ

     


    ห้องรัตนโกสินทร์เรืองโรจน์
    ย้อนอดีตกลบไปครั้งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นห้องชมภาพยนตร์ 4 มิติ

     

     
    ห้องเกียรติยศแผ่นดินสยาม
    จะพบกับหุ่นจำลองพระบรมมหาราชวังที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย และชมพระแก้วมรกตในเครื่องทรงครบทั้ง 3 ฤดูในคราวเดียว

     

     


    ห้องเรืองนามมหรสพศิลป์
    ห้องนี้จะให้เราเข้าชมมหรสพหลายชนิด โดยให้นั่งกับพื้นในห้องวงกลม ดูมหรสพได้รอบทิศทาง 360 องศา ได้เรียนรู้ภาษาโขนกับ ตัวพระ นาง ลิง ยักษ์ อยากรู้ว่ายักษ์เขินเป็นยังไงให้มาดูได้ที่นี่ และได้ลองฝึกเชิดหุ่นกระบอกด้วยตนเอง


    ห้องเยี่ยมยลถิ่นกรุง
    ทุกคนจะได้ถ่ายรูปในห้องถ่ายรูปสมัยโบราณก่อน เพื่อนำมาเป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่นแล้วท่องเที่ยวไปทั่วกรุง ให้เราได้ชม

     
    ห้องสง่าศรีสถาปัตยกรรม
    ได้เล่นเกมสร้างวัดระบบมัลติทัช และสนุกกับเกมเดินทางชมบ้านในเมืองกรุงค่ะ

     

     

    ห้องเรืองรุ่งวิถีไทยห้องนี้นำเราย้อนอดีตไปตั้งแต่สมัยที่คนไทยยังใช้เรือเป็นพาหนะ โดยเราจะได้นั่งเรือจริงๆ จุผู้โดยสารได้เกือบ 20 คน ล่องไปตามแม่น้ำ พอยุคสมัยเปลี่ยนไปเรือที่เรานั่งก็แปลงร่างกลายเป็นรถราง นั่งชมเมืองตั้งแต่สมัยสร้างถนนเจริญกรุงใหม่ๆ จนมาจบที่การนั่งรถไฟฟ้าซึ่งเป็นสมัยปัจจุบันของเรา เหมือนได้นั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนอดีตได้จริงๆ

     

     


    ห้องดวงใจปวงประชา
    ร่วมซาบซึ้งกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภุมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงนำความอุดมสมบูรณ์จากดินสู่ฟ้า…จากป่าสู่เมืองในบรรยากาศที่โอบล้อมตัวเราเสมือนพระมหากรุณาธิคุณที่ปกแผ่ไปทั่วทุกสารทิศ 

    ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่ครบทุกห้องนะคะ เล่าให้ฟังคร่าวๆ เพราะแต่ห้องห้องจะมีรายละเอียดเยอะแยะมากมายกว่านี้เป็น ร้อยร้อยเท่า อยากให้มานิทรรศน์กันด้วยตนเองค่ะ

    นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกติดได้ติดมือกลับไปเป็นโปสการ์ดสวยๆ หรืออยากฉายรูปลงปกนิตยสารโดยมีเราเป็นนายแบบ นางแบบ เก็บเป็นภาพประทับใจกลับบ้านก็ย่อมได้

     

     

    พอชมห้องต่างๆ ครบทั้ง 2 เส้นทาง ก็ขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์สวยๆ ของ ภูเขาทอง  โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร ลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์ ป้อมพระกาฬ ในมุมมองที่สวยที่สุดแบบเต็มๆ ตา ยิ่งถ้าเป็นยามเย็นจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สุดแสนคลาสสิคของเมืองกรุง

    หรือจะนั่งจิบกาแฟรสละมุนจากร้าน True Coffee ที่อยู่ในชั้นนี้ กับโซฟานุ่มๆ ชมวิวรอบทิศทาง จะนั่งนานแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า จะอยู่จนถึง 2 ทุ่มช่วยพนักงานเก็บร้านก็ยังได้

     

     

     


    เป็นวันหยุดพักผ่อนที่แสนเก๋ อีกวันนึงค่ะ ไม่ว่าจะพาคนรู้ใจมาเที่ยว พาน้องๆ มาเรียนรู้ประวัติศาตร์ที่แสนเพลิดเพลิน หรือพาคุณย่าคุณยายมาซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ที่ห่างหายไปนาน ก็ล้วนน่าประทับใจค่ะ

    แล้วคุณจะรู้ว่ากรุงเทพฯ ของเราสวยงามแค่ไหน  …

    นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
    100  ถนนราชดำเนินกลาง  แขวงบวรนิเวศ  เขตพระนคร  กรุงเทพมหานคร  10200

    เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์
    อังคาร – ศุกร์  เวลา 11.00 – 20.00 น.
    เสาร์ – อาทิตย์  และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 20.00 น.
    อัตราค่าเข้าชม  ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็กเข้าชมฟรี (สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร)
    โทรศัพท์  02-621-0044
    www.nitasrattanakosin.com

    การเดินทาง
    รถประจำทาง :  สาย  2, 3, 9, 15, 31, 33, 42, 47, 59, 60, 64, 70, 79, 82, 86, 157, 201, 503, 509
    รถยนต์ส่วนตัว : ประทับตราจอดรถ จอดได้ 3 ชั่วโมง – 20 บาท
     เกิน 3 ชั่วโมง คิดค่าบริการชั่วโมงละ 50 บาท หรือจอดที่บริเวณวัดราชนัดดาฯ อัตราค่าจอดตามที่สถานที่นั้นกำหนด

  • เสพงานศิลป์ ชั้น “ครู”

    ภาพ/ เรื่อง :   สีรุ้ง  พงษ์พานิช

    “เชื่อมั๊ยว่าการได้ชมงานศิลปะดีๆ สักชิ้น อาจทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
    หรือมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของเราไปเลยก็ได้”

    วันนี้ฉันแวะไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครอง และกำลังจะกลับบ้าน  ขณะกำลังเดินข้ามสะพานลอย สายตาก็พลันไปสะดุดกับเจ้าตุ๊กตาเสือน้อยน่ารักน่าชังที่ตั้งอยู่หน้าตึกๆ หนึ่งตรงข้ามกับมาบุญครองและสยามดิสคัพเวอร์รี่   มันคืออะไรกันนะ?

    ลานด้านหน้าทางเข้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

    เดินเข้ามาดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นการจัดนิทรรศการศิลปะของ “หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร” นั่นเอง น่าสนใจดีแฮะ  เหมือนมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างดึงให้ฉันเดินเข้าไปในตัวอาคาร ดั่งต้องมนต์สะกด ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไปก็พบกับยามเฝ้าประตูตัวสูงใหญ่

    และแล้วก็จ๊ะเอ๋กับประชาสัมพันธ์สาวสวยกล่าวเชื้อเชิญให้ฉันลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือฟรี ฉันก็เซ็นชื่อให้น้องเค้าอย่างว่าง่าย เพราะว่าอยากได้หนังสือฟรี ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าหนังสืออะไร และมีงานอะไรกัน..

    นี่คือหน้าตาหนังสือที่ว่า


    เดินผ่านเข้าไปในงานนิทรรศการที่จัดอยู่ในพื้นที่ด้านล่างตรงกลางห้องโถงใหญ่ของตึก จึงพบว่าเป็นการแสดงผลงานภาพถ่ายและภาพจิตรกรรม ที่ผ่านการตัดสินแล้ว เข้าไปดูหน่อยซิว่าเป็นยังไง


    โห ตะลึงเลยค่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย จากนั้นก็รัวชัตเตอร์ถ่ายอย่างไม่ยั้งมือ

    ที่นำมาลงนี่เป็นเพียงบางส่วนค่ะ  ใครชอบภาพไหนก็เลือกดูนะ คงมีสักภาพที่โดนใจ แต่ของฉันน่ะโดนไปหลายภาพเลย ชั้นล่างนี่เป็นภาพวาดล้วนๆ  ขออุบภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศไว้ท้ายเรื่องนะ

     

     

     

    เดินขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ต่อดีกว่า เป็นนิทรรศการภาพถ่าย งานเดียวกัน ติดเรียงรายบนผนังให้เลือกดูกันได้ตามชอบใจ  รับกับระเบียงมุมโค้งที่ดูสบายตา

     

    มีของที่ระลึกเก๋ๆ และมีไอเดีย ให้ได้ชมได้ช้อปกันด้วย ส่วนใหญ่เป็นของทำด้วยมือ (Hand Made)

     

    หรือจะนั่งพักเหนื่อย หลบลมร้อนจากข้างนอกมานั่งตากแอร์เย็น จิบกาแฟ ก็มีที่ให้นั่งเล่นสบายๆ ชิวๆ ในบรรยากาศของศิลปะที่แสนจะคลาสสิค มีเพลงคลอเบาๆ ช่วยสร้างสรรค์จินตนาการให้บรรเจิด Good Idea เลยล่ะ


    ภาพด้านล่าง 2 ภาพนี้ เป็นภาพที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ดูแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ? ตรงใจบ้างไหม

    รางวัลชนะเลิศภาพถ่าย ชื่อภาพ “ครูผู้ให้ที่ไร้ชีวิต” ศิลปิน นายวิสรุจน์ สิงหกลางผล
    รางวัลชนะเลิศภาพจิตรกรรม ชื่อภาพ "พลังของครูใต้" ศิลปิน นานสุทธิพันธ์ ขะยะ

     

    ในชีวิตจริงเราทุกคนต่างมีความเป็นครู และคนรอบข้างตัวเราล้วนก็เป็นครูของเราด้วย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นครูที่อยู่ในห้องเรียนเท่านั้น

    ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ที่เป็นครูคนแรก  เพื่อนสนิทที่คอยชี้แนะ  พี่ที่ดูแลน้องแทนพ่อแม่  ในหลวงของเรา  พระสงฆ์ที่ชี้ทางธรรม คนข้างถนน คนที่เราไม่รู้จัก หรือใครก็ตามที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำบางสิ่งบางอย่างที่ดี มีคุณค่า  เขาเหล่านั้น ล้วนเป็น “ครู”

    รวมทั้งครูภาคใต้ผู้เสียสละ ยอมเสี่ยงแม้แต่ชีวิตของตนเอง  ครูบนดอยที่ทิ้งความสุขสบายไว้เบื้องหลัง ครูที่พร่ำบ่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เราเป็นคนดี 

    ขอเทิดทูนหัวใจครูทุกดวง ด้วยความเคารพยิ่ง..

     หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
    939 ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่
    เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
    เปิดเวลา 10.00 น. – 21.00 น.  ปิดวันจันทร์
    โทร. 02 2146630-8
    www.bacc.or.th