Blog

  • ตลาดสามย่าน

    โดย: โอปอล์ – ปาณิสรา พิมพ์ปรุ
    “โอปอล์ ชอบมาเดินที่ตลาดสามย่านตั้งแต่สมัยเรียนนิเทศจุฬาฯ ชอบกินอาหารแถวนี้ มีอาหารให้เลือกมากมาย พอกินเสร็จก็จะเดินมาเรื่อยๆ เดินมาสยาม เพื่อมาอัพเดตแฟชั่นใหม่ๆ ไม่ให้ตกเทรนต์ ให้รู้ว่ามีอะไรใหม่ๆ บ้าง โอปอล์ประทับใจสามย่านมากๆ จน มาเปิดร้านกาแฟชื่อ “มงคล” อยู่ที่นี่เลยค่ะ ใครที่นิยมของกินของอร่อย ลองมาหากินแถวนี้ได้ ถูกใจแน่นอน”

     

    ตลาดสามย่าน ตั้งอยู่ในที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณจุฬาลงกรณ์ซอย 15 ตรงข้ามโรงภาพยนตร์สามย่านรามา (เดิม) (ช่วงต่อหัวมุมถนนพระราม 4 และถนนพญาไท) มีบริเวณที่ดินประมาณ 2.92 ไร่ เป็นอาคารที่ก่อสร้างมาพร้อมการทำสัญญาบูรณะปรับปรุง เขตอาคารพาณิชย์ ซึ่งบริษัทวังใหม่ จำกัด เป็นดำเนินการก่อสร้าง และเริ่มเป็นกิจการรตลาดเอกชน ใช้ชื่อว่า “ตลาดสามย่าน” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ต่อมามอบให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยเป็นผู้บริหารจัดการ


     
    โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนาให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า และสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีแก่ชุมชน ดังนั้นฝ่ายทรัพย์สินจึงกำหนดแผนงานปรับปรุงอาคารตลาดสามย่าน โดยพัฒนาให้เป็นตลาดที่คงการบริการแก่ชุมชนในระดับเดิม แต่มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี มีมาตรการทางความสะอาดเป็นสำคัญ การจัดแผงต้องโปร่ง ไม่แออัด เช่นที่เป็นอยู่เดิม เพื่อพัฒนาให้เป็นตลาดตัวอย่างสมกับที่เป็นตลาดที่อยู่เคียงข้างเขตการศึกษา เริ่มดำเนินการด้วยการศึกษาและวิจัยของคณะอาจารย์ เมื่อได้ข้อมูลแล้วจึงเริ่มออกแบบปรับปรุงโดยคงสภาพโครงสร้างเดิมแต่ปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม การจัดแผงภายใน และเน้นหนักเครื่องระบบสาธารณูปโภค การปรับปรุงเริ่มเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2530 และเสร็จสมบูรณ์เดือนธันวาคม พ.ศ.2530 ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารและถนนโดนรอบทั้งสิน 3,841,953.5 บาท

    ตลาดสามย่าน (ใหม่) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญของตลาดสดสามย่าน ที่มีความจำเป็นกับวีถีชีวิตคนไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้อยู่คู่กับชุมชนมหาวิทยาลัย และชุมชนบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการย้ายตลาดเดิม ซึ่งมีสภาพไม่เอื่ออำนวยต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาตลาดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอย่างมากและได้ก่อสร้างตลาดสามย่านแห่งใหม่บริเวณระหว่างซอยจุฬาฯ   32  และ   34  ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่และเหมาะสมกว่า อีกทั้งไกล้กับศูนย์รวมส่วนราชการ  หน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัย   และอาคารจามจุรี 9 ซึ่งเป็นอาคารจอดรถรอบรับรถได้ 800 กว่าคัน เป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ภายใต้แนวคิดหลักต้องการเป็นตัวอย่างตลาดสดที่ดีมีคุณภาพมาตรฐานสูง ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วิถีชุมชนของ นิสิต คณาจารย์ บุคลากรของมหาวิทยาลัย ประชาชนทั่วไป และธำรงไว้ซึ่งความมีชื่อเสียงของตลาดแห่งนี้ให้อยู่คู่จุฬาฯ ต่อไป

    สถานที่ : ตลาดสามย่าน
    ที่ตั้ง : อาคารตลาดสามย่าน เลขที่ 6 ซอยจุฬาฯ 9 ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่
    เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
    โทรศัพท์ : 02-215-3662, 02-215-4664
    การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 4, 16, 45, 46, 47, 50, 67, 109, 141, 162, 163, 177 และ 507
    เวลาเปิดทำการ : เปิดบริการทุกวัน ชั้น 1 เปิดเวลา 05.00-17.00 น. ชั้น 2
                        เปิดเวลา 05.00-24.00 น.
    ที่จอดรถ : บริการอาคารจอดรถ ณ อาคารจามจุรี 9


  • คลองบางกอกน้อย

    สุรพล เศวตเศรนี
    ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


    “ ผมเป็นเด็กฝั่งธนฯ โตมากับแม่น้ำจึงซึมซับวิถีชีวิตชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำ ทุกครั้งที่ได้ล่องคลองบางกอกน้อยไปตามคลองซอยต่างๆ ได้เห็นบ้านริมน้ำ สวนกล้วยไม้ วัดวาอาราม เรือขายของและวิถีชุมชนที่ยังคงสภาพเดิมก็จะมีความสุขมาก และความสุขนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศก็สามารถสัมผัสได้ เมื่อมาท่องเที่ยวที่นี่ ”

     

     

     คลองบางกอกน้อยเริ่มต้นตั้งแต่แม่น้ำเจ้าพระยาทางเหนือของสถานีรถไฟธนบุรีไหลขึ้นไปบรรจบคลองชักพระ (คลองบางขุนศรี) และ คลองลัดบางกรวย ตรงข้าม วัดสุวรรณคีรี มีความกว้างมากถึง 40 เมตร และยาว 3.3 กิโลเมตร…แต่เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของ แม่น้ำเจ้าพระยา จนกระทั่งสมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงโปรดฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำขึ้นจากปากคลองบางกอกน้อยไปยังปากคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งช่วยย่นระยะทางได้ถึง 1 วัน ต่อมากระแสน้ำส่วนใหญ่ได้ไหลเข้าสู่คลองลัดทำให้คลองกว้างขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่ ส่วนแม่น้ำสายเดิมแคบลงกลายเป็นคลองบางกอกน้อย คลองชักพระ และคลองบางกอกใหญ่แทน

    ปัจจุบันคลองบางกอกน้อยใช้สัญจรและท่องเที่ยว เพราะตลอดสองฝั่งคลองเรียงรายอยู่ด้วยภาพวิถีชีวิตไทย เด็กเล่นน้ำยามเย็น ชาวบ้านนั่งรับลมที่ศาลาหน้าบ้าน มีเรือไม้โบราณทรงยุโรปแล่นผ่านฉากหลังเป็นบ้านทรงไทย จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างไรที่สายน้ำแห่งนี้ มักจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเวียนวนมาเยือนเพื่อสัมผัสบรรยากาศร่มเย็นริมน้ำ แล้วชักชวนกันชื่นชมความงดงามของเรือพระที่นั่งที่อู่เรือพระราชพิธี พบเจอความวิจิตรของภาพฝาผนังที่วัดสุวรรณาราม แวะสักการะเจ้าแม่กวนอิม ทำบุญให้อาหารปลาสวาย ชื่นชมตำหนักแดง ขึ้นบกไปเที่ยวตลาดน้ำตลิ่งชัน รับประทานอาหารมื้อเที่ยงล้อมวงบนแพริมน้ำ ลงเรือต่อไปดูพระอุโบสถลอยน้ำกับหน้าบันกระจกสีที่วัดพิกุลทอง ก่อนจะเข้าชมพระอุโบสถเรือสำเภาสมัยสุโขทัยที่วัดชะลอ

    คลองบางกอกน้อย : ใช้เป็นเส้นทางร่วมในงานชักพระ วัดนางชี ซึ่งมีขึ้นในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี โดยชักแห่ไปทางน้ำ ผ่านคลองชักพระ คลองบางกอกน้อย แล้ววกลงมาตามคลองบางกอกใหญ่กลับไปยังวัดนางชีตามเดิม

    สถานที่สำคัญริมคลองบางกอกน้อย : วัดสุวรรณาราม วัดศรีสุดาราม วัดนายโรง วัดใหม่ยายแป้น วัดภาวนาภิรตาราม วัดสุวรรณคีรี วัดเชิงเลน วัดระฆัง พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี

     

     

     

     

      

     

     

     

    สถานที่ : คลองบางกอกน้อย
    ที่ตั้ง : แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครการเดินทาง : มีเรือจากท่าช้าง เส้นทางบางกอกน้อย-บางใหญ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)
    เวลาเปิดทำการ : เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 6.30-21.00 น.



  • ชมกระทิงฝูง กลางป่าดงพญาเย็น จ.นครราชสีมา

     แหล่งเดียวในเมืองไทยเห็นวัวกระทิงได้ง่ายสุด
    คือที่กลุ่มป่าดงพญาเย็นรอยต่อ 5 จังหวัด
    นครราชสีมา นครนายก สระบุรี
    ปราจีนบุรี และสระแก้ว

    ป่ามรดกโลกผืนล่าสุดนี้ คือกลุ่มป่าดงพญาเย็นในอดีต ซึ่งวันนี้กลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทับลาน ปางสีดา ตาพระยาและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ หลังจากฝนแรกในเดือนเมษายนผ่านไปหญ้าอ่อนก็จะแตกใบ นี่คือวันเวลาที่ดีที่สุด ที่กระทิงจะออกมาหากินตามทุ่งหญ้า โป่งสัตว์และแหล่งน้ำซับ แหล่งดูกระทิงวันนี้ที่เห็นง่ายที่สุด คือ คลองปลากั้ง เขาแผงม้า จังหวัดนครราชสีมาและตาพระยา จังหวัดสระแก้ว

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: 17.00 น. ถึงพลบค่ำ
    ฤดูกาลที่ดีที่สุด: ต้นฤดูฝนราวเดือนพฤษภาคม
    จุดชมวิวที่ดีที่สุด: จุดชมกระทิงคลองปลากั้ง เขาแผงม้าและตาพระยา

    เส้นทางการเดินทาง จาก อ.ปากช่อง
    ใช้ทางหลวงหมายเลข 2090 บริเวณหน้าด่านขึ้นเขาใหญ่มีทางแยกซ้ายมือไป อ.วังน้ำเขียว ไปต่ออีกราว 45 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าคลองปลากั้ง

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อที่ ททท.สำนักงานนครราชสีมา
    โทร. 044 213 030, 044 213 666


  • เที่ยวน้ำหนาวฤดูฝน ไปยลกล้วยไม้ยักษ์ เอื้องบุษราคัม

    น้ำหนาว รู้จักกันดีว่าเป็นป่าเปลี่ยนสี
    ที่สวยที่สุดยามต้นฤดูหนาว แต่ใครเล่า
    จะรู้ว่า ถ้าไปน้ำหนาวต้นฝน คุณจะได้ยล
    กล้วยไม้ยักษ์มหัศจรรย์ในโลกที่เขียวขจี

    ป่าน้ำหนาวเป็นป่าผืนใหญ่ในเทือกเขาเพชรบูรณ์ มากมายด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ จากสังคมป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ ป่าสน จนถึงสังคมทุ่งหญ้าที่มีความน่าสนใจ ทั้งชีวิตพืชและสัตว์ป่าหายาก ช่วงต้นฤดูฝนบนภูกุ่มข้าวซึ่งมีทุ่งหญ้าและป่าสนสวยที่สุดของน้ำหนาว ที่นี่มีสิ่งมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ คือ กล้วยไม้ยักษ์เอื้องบุษราคัม (Eulophia flava) ซึ่งความสูงใหญ่ของมันอาจสูงได้เกิน 2 เมตร ช่อดอกเหลืองอร่าม ราวบุษราคัมตามชื่อเรียก

        

    ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ช่วงเวลาเช้าก่อน 09.00 น.
    ฤดูกาลที่ดีที่สุด: เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
    จุดชมวิวที่ดีที่สุด: บริเวณเชิงภูกุ่มข้าว ที่สามารถชมวิวและดูนกได้ด้วย

    เส้นทางการเดินทาง
     จาก จ.เพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ถึง อ.หล่มสัก เลี้ยวขวาทางหลวงหมายเลข 12 ถึงกิโลเมตรที่ 50 ที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก
    โทร. 055 252 742-3, 055 259 907


  • เกาะไหง เกาะในฝันสวรรค์ของคนรักหาดทรายชายทะเล

    เกาะไหง เกาะกลางทะเลอันดามันที่มีเวิ้งน้ำสีเขียวมรกตกับหาดทรายสีขาวยาวเหยียดสุดสายตาตัดกับทิวมะพร้าวชายหาดเรียงราย ที่นี่คือเกาะในฝันที่เหมาะกับคนรักหาดทรายอย่างแท้จริงเกาะแห่งนี้มีหาดทรายอยู่ด้านหน้าของตัวเกาะที่หันออกสู่ทะเลด้านทิศตะวันออก จึงเหมาะกับการดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแล้วรอจนแสงแดดเจิดจ้า เวิ้งน้ำด้านหน้าจะกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม ที่หน้าแปลกเกาะแห่งนี้อยู่ในจังหวัดกระบี่แต่การเดินทางที่ใกล้ที่สุดกลับต้องมาจากหาดปากเมงของจังหวัดตรังแต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าเพราะการมาเที่ยวเกาะไหงสามารถเดินทางเที่ยวเกาะมุก เกาะกระดาน ถ้ำมรกต และดำน้ำ ดูปะการังรอบเกาะเชือกเกาะม้าเขตจังหวัดตรังที่อยู่ใกล้เคียงกันได้ในคราวเดียวกัน

    – ฤดูกาลท่องเที่ยว : ปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน เป็นฤดูที่ดีที่สุด
    – เวลาที่ดีที่สุด : ช่วงเวลาราว 10.00 น. ถึง 15.00 น.
    – การเดินทาง : จากเกาะลันตามีเรือเฟอร์รี่ไปเกาะไหงคนละ 450 – 500 บาท เรือเร็ว 650 บาท ให้บริการเฉพาะฤดูท่องเที่ยวเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม จากหาดปากเมง อำเภอสิเกา มีเรือโดยสารไปเกาะไหงเช่าเหมาลำ 1,200 ถึง 1,500 บาท